เพื่อบรรเทาความแออัดที่เพิ่มขึ้นที่ศูนย์กลางการถ่ายเทตู้คอนเทนเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การท่าเรือ (PSA) ของสิงคโปร์ได้เปิดใช้งานท่าเทียบเรือเก่าและลานเก็บสินค้าเก่าของ Keppel Terminal ที่ถูกทิ้งร้างก่อนหน้านี้อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เพิ่มกำลังคนจำนวนมากเพื่อจัดการกับสินค้าที่ค้างอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์
“ความแออัดของท่าเรือกำลังรบกวนตลาดตู้คอนเทนเนอร์อีกครั้ง โดยสิงคโปร์กลายเป็นคอขวดล่าสุด” รายงานที่เผยแพร่โดยบริษัทที่ปรึกษาด้านตู้คอนเทนเนอร์แห่งเอเชีย Linerlytica เมื่อวันอังคาร รายงานระบุว่าท่าเทียบเรือล่าช้าที่ท่าเรือคอนเทนเนอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในขณะนี้นานถึงเจ็ดวัน และกำลังการผลิตรวมที่รอท่าเทียบเรือเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 500,000 ทีอียูในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
บริษัทเดินเรือจะยังคงผลักดันให้อัตราค่าระวางเรือสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ความแออัดที่รุนแรงทำให้บริษัทขนส่งบางแห่งต้องยกเลิกการโทรตามแผนที่วางไว้ที่ท่าเรือสิงคโปร์ ซึ่งจะทำให้ปัญหารุนแรงขึ้นที่ท่าเรือท้ายน้ำซึ่งจะต้องจัดการกับปริมาณที่เพิ่มขึ้น” Linerlytica กล่าว ความล่าช้าเหล่านี้ยังนำไปสู่ความแออัดของเรืออีกด้วย
“ความต้องการในการจัดการตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มขึ้นในสิงคโปร์เกิดจากการที่สายการเดินเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์หลายสายละทิ้งการเดินเรือครั้งต่อไปเพื่อตามกำหนดเวลาถัดไป โดยขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์มากขึ้นในสิงคโปร์ จำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่จัดการต่อลำก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน” การท่าเรือและการท่าเรือแห่งสิงคโปร์ (MPA) กล่าวในการอัปเดตเกี่ยวกับมาตรการที่สาธารณรัฐเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังดำเนินการเพื่อรับมือกับการจราจรทางเรือคอนเทนเนอร์
นอกเหนือจากท่าเทียบเรือ 8 ท่าที่มีอยู่ที่ท่าเรือ Tuas แล้ว ยังมีท่าเทียบเรือใหม่ 3 ท่าที่จะเปิดให้บริการในปลายปีนี้ สิ่งนี้จะเพิ่มความสามารถในการจัดการโดยรวมของท่าเรือ PSA วางแผนที่จะเร่งดำเนินการทดสอบการใช้งานท่าเทียบเรือใหม่เหล่านี้ เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการตู้คอนเทนเนอร์โดยรวมในระยะสั้น
ท่าเรือเอเชียอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งเซี่ยงไฮ้ ชิงเต่า และพอร์ตคลานg ก็ประสบปัญหาความแออัดเช่นกัน